การลดน้ำหนักจริง ๆ แล้ว มีอยู่หลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป และถ้าคุณรู้ว่าตัวเองเหมาะกับวิธีลดน้ำหนักแบบไหน ก็จะยิ่งทำให้คุณลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น แถมยังมีความสุขกับการลดน้ำหนักอีกด้วย ดังนั้น วันนี้เราจึงจะมาแนะนำวิธีการลดน้ำหนักแบบต่าง ๆ เพื่อช่วยให้คนที่อยากลดน้ำหนัก สามารถเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองได้ค่ะ
รวมวิธีลดน้ำหนัก แบบปลอดภัย
Atkins Diet
การลดน้ำหนักแบบ Atkins Diet เป็นสูตรลดน้ำหนักที่เน้นการกินอาหารโปรตีนสูง และคาร์โบไฮเดรตต่ำ โดยที่ทำแบบนี้ก็เพราะเป็นการกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ซึ่งมีผลต่อระดับความหิว และน้ำหนักตัว เมื่อกินอาหารที่มีคาร์บต่ำจึงทำให้เราสามารถลดความอยากอาหาร และร่างกายก็จะเริ่มดึงไขมันที่สะสมไว้มาใช้แทน และลดน้ำหนักลงได้ในที่สุด โดยวิธีการกิน จะเน้นกินเนื้อสัตว์ไปเลยเน้น ๆ แถมยังสามารถกินไขมันดีได้อย่างพวก ชีส และไข่ก็กินได้ โดยไม่ต้องจำกัดปริมาณ ตามด้วยผักผลไม้ได้อีกนิดหน่อย แต่ที่ทานไม่ได้เลยจริง ๆ ก็คือ อาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต อย่างเช่นพวก น้ำตาล ผลไม้รสหวาน แป้ง และข้าว
การลดน้ำหนักวิธีนี้ จะเหมาะกับคนที่อยากลดน้ำหนักเยอะ ๆ ในเวลาสั้น ๆ เพราะลดได้เร็วมาก โดยเฉพาะในช่วง 3-6 เดือนแรก แต่การลดน้ำหนักแบบนี้ ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว จึงอาจทำให้เกิดผลเสียในระยะยาวได้ จะทำวิธีนี้ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ และหมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำ
ข้อดีของการลดน้ำหนักแบบ Atkins Diet
- ลดน้ำหนักลงได้เร็ว
- สามารถลดระดับไขมัน LDL ลดคอเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือดได้
ข้อเสียของการลดน้ำหนักแบบ Atkins Diet
- ไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ไม่เหมาะกับการทำติดต่อกันในระยะยาว
Intermittent Fasting (IF)
การลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting หรือ IF คือการกินอาหารแบบจำกัดช่วงเวลา โดยจะมีช่วงอด (Fasting) และช่วงกิน (Feeding) ซึ่งการลดน้ำหนักแบบนี้จะมีการอดอาหาร และกินอาหารโดยการนับชั่วโมง ยกตัวอย่างเช่น 16/8 คือการอดอาหาร 16 ชั่วโมง และกินให้เสร็จภายใน 8 ชั่วโมง โดยไม่มีจำกัดเวลาที่แน่นอน สามารถเลือกช่วงเวลาได้ตามความเหมาะสมของการใช้ชีวิตประจำวันของเราได้ ซึ่งการลดน้ำหนักแบบนี้ เป็นการอดอาหารระยะสั้น เพื่อเผาผลาญไขมันในร่างกาย ซึ่งการอดอาหารระยะสั้น ๆ จะทำให้ระดับอินซูลินลดลง ระดับ Growth Hormone สูงขึ้น ทำให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายเพิ่มขึ้นถึง 3.6-14% โดยที่ไม่ทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลงเหมือนอย่างการอดอาหาร เพื่อลดน้ำหนักที่ทำอย่างต่อเนื่อง
การลดน้ำหนักวิธีนี้ จะเหมาะกับคนที่อยากลดน้ำหนักในระยะยาว เสริมความแข็งแรงให้ร่างกาย รวมทั้งฟื้นฟูสุขภาพโดยรวม เสริมภูมิคุ้มกัน และเพิ่มความจำให้สมอง แต่การเริ่มลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ อาจเริ่มจาก 12:12 แล้วค่อยปรับมาเป็น 16:8 ตามลำดับ เพื่อสร้างความเคยชินให้ร่างกายก่อนอดจริง
ข้อดีของการลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting
- ช่วยลดไขมันในร่างกายได้
- ช่วยควบคุมโรคเบาหวาน โรคความดัน และคอเลสเตอรอล
- เพิ่มความจำ ยับยั้งอัลไซเมอร์
ข้อเสียของการลดน้ำหนักแบบ Intermittent Fasting
- ในระยะแรกอาจจะรู้สึกทรมานจากการอดอาหาร
- ระดับน้ำตาลต่ำ อาจจะเวียนหัว และเป็นลมได้
- นำไปสู่ปัญหาสุขภาพบางอย่างอื่น ๆ ได้ เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ ฮอร์โมนไม่สมดุล นอนไม่หลับ และเกิดความเครียด
Ketogenic Diet
การลดน้ำหนักแบบ Ketogenic Diet หรือ Keto (คีโต) คือการลดน้ำหนักที่มุ่งให้กินอาหารประเภทไขมันเยอะ ๆ และลดคาร์โบไฮเดรตให้เหลือปริมาณน้อยมาก ๆ ในแต่ละมื้อ โดยทานไขมันประมาณ 75% โปรตีน 20% และคาร์โบไฮเดรตอีก 5% โดยต้องการให้ร่างกายเข้าสู่กระบวนการ คีโตสิส (Ketosis) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ร่างกายดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานหลักแต่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อร่างกายไม่ได้รับคาร์โบไฮเดรต โดยวิธีการกิน จะเน้นกินพวกเนื้อติดมัน น้ำมันหมู เนย ชีส กินได้หมดเลย ยิ่งถ้าคัดสรรแต่ไขมันดีอย่างอะโวคาโด แซลมอนมาด้วยแล้วยิ่งดี รองลงมาจะเป็นโปรตีน และหลีกเลี่ยงแป้ง น้ำตาล ขนมทั้งหลายให้ได้มากที่สุด
การลดน้ำหนักวิธีนี้ เหมาะมากกับคนที่ไม่ชอบกินคลีน กินผัก และไม่ชอบการคำนวณแคลอรี อีกทั้งยังจำกัดสัดส่วนอาหารในแต่ละมื้อ นอกจากนี้วิธีนี้ยังเหมาะกับคนที่อยากลดน้ำหนักในระยะสั้น เน้นผอมไว ไม่เน้นความเฮลตี้มากนัก แต่วิธีนี้ก็ไม่เหมาะกับคนอายุ 50 ปีขึ้นไป เพราะอาจทำให้วูบ หน้ามืดเป็นลมได้ และไม่เหมาะกับผู้ที่ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตต่ำ
ข้อดีของการลดน้ำหนักแบบ Ketogenic Diet
- สามารถเผาผลาญพลังงานจากไขมันได้
- น้ำหนักลดลงเร็วในระยะแรก
ข้อเสียของการลดน้ำหนักแบบ Ketogenic Diet
- อาจเป็นการเพิ่มไขมันเลวในเลือดได้
- ร่างกายขาดสารอาหารบางขนิด
Paleo Diet
การลดน้ำหนักแบบ Paleo Diet เป็นวิธีกินที่เหมือนย้อนเวลากลับไปสมัยโบราณ ที่มนุษย์สมัยนั้นจะเน้นไปที่การกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลาที่มีโอเมก้าสูง ผัก และผลไม้ ถั่ว และเมล็ดพืชต่าง ๆ รวมถึงน้ำมันจากพืชอย่างน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันวอลนัต เป็นต้น โดยอาหารในสูตรลดน้ำหนักแบบนี้จะเน้นการกินอาหารที่ส่งตรงจากธรรมชาติ ปลอดสารเคมี คาร์โบไฮเดรตต่ำ และอาหารที่มีโปรตีนสูง ไม่แปรรูป ไม่ขัดสี และไม่ผ่านการปรุงแต่ง ทั้งนี้สิ่งที่ต้องด ได้แก่ น้ำตาล เกลือ แป้ง ขนม นม เนย
การลดน้ำหนักวิธีนี้ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบการอดอาหาร ชอบกินอาหารหลากหลาย และได้คุณค่าทางอาหารครบถ้วน โดยเฉพาะคนที่รักการกินแบบชีวจิต ไม่ผ่านการปรุงแต่ง แต่อยากลดความอ้วนแบบไว ๆ แต่วิธีนี้ไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคเบาหวาน เพราะจะต้องมีการอดแป้ง น้ำตาล นม เนย เต็ม ๆ จะทำให้น้ำตาลตกได้
ข้อดีของการลดน้ำหนักแบบ Paleo Diet
- ไม่ต้องนับแคลอรี่
- นอนหลับได้ดีขึ้น
- ช่วยลดไขมัน LDL ลดไตรกลีเซอร์ไรด์ ลดน้ำตาล และความดันเลือดได้
ข้อเสียของการลดน้ำหนักแบบ Paleo Diet
- ห้ามทานผลิตภัณฑ์จากนมส่วนใหญ่
- ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบทำอาหารกินเอง
- ต้องใช้ความพิถีพิถันอย่างมากในการเลือกอาหาร จึงอาจจะทำให้กระทบกับชีวิตประจำวันได้
ทั้งหมดเป็นวิธีลดน้ำหนัก ที่ปลอดภัย แบบไม่ต้องพึ่งยา และแต่ละวิธีก็มีการกินอาหารที่แตกต่างกัน สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับการลดน้ำหนักวิธีไหน ก็ค่อย ๆ ลองทำตามวิธีเหล่านี้ดู แล้วคุณก็จะเจอกับวิธีที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคุณที่สุดกันค่ะ แต่ทั้งนี้การจะลดน้ำหนักให้สำเร็จนั้น คุณจะต้องมีวินัย มีความอดทน และออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ก็จะยิ่งทำให้คุณผอมเร็วขึ้น และมีสุขภาพที่ดีขึ้นด้วยค่ะ